The Lone Wolf’s Eternal Slumber
~Niall’s Lullaby~
Conall or O’Conaill is a surname that means ‘strong wolf’ in Irish Gaelic.
พระจันทร์เต็มดวงฉายแสงสว่างเสียจนไม่ต้องจุดตะเกียง
เทศกาลแกลแลคลอว์นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ของหมู่บ้านเฟลเกลเอนดำเนินเข้าสู่คืนที่สอง และเพียงแค่เวลาที่ล่วงเลยไปเท่านั้น ก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมากมาย
ชีวิตแรกที่สังเวยแด่มอคเชราคือเกวนดา
กีร์เน่กลายเป็นศพตามไป ด้วยฝีมือของใครอีกสักคนที่ไม่ใช่หมาป่า
ลูคัสตกเป็นผู้ต้องสงสัย
และ
คิลเลียน คนนอกที่ได้รับเลือกให้ตาย ชิงยิงตัวเองลงนรกไปก่อนที่ไฟจะเผาเขาได้ทัน
ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นกับไนอาล
น่ายินดีที่ยังมีชีวิตอยู่
น่ายินดีที่จะไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่ยอมเลือกใครขึ้นเผา
และน่ายินดีที่สุด ที่ไม่มีใครเห็นเขาอาเจียนจนไส้แทบจะพุ่งออกปากแค่เพราะเห็นตาลุงคนนอกฆ่าตัวตายเมื่อตอนกลางวัน
แม้จะไม่ทันเช็ดคราบน้ำย่อยได้สะอาดทันคีฟที่เข้ามาหาและขอพักอาศัยกับเขาในคืนนี้
ชายหนุ่มรีบสลัดภาพหลอนของร่างไร้วิญญาณที่เคยนอนสงบบนเตียงอันคุ้นเคยออกไปจากความคิด แล้วเดินนำพาคนสูงวัยกว่าเข้าไปในบ้านของตน
ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยวูบไหวกลับมานิ่งเหมือนยามแสดงออกว่าไม่สนใจใครตามปกติ แม้ปลายจมูกยังขึ้นสีแดงจาง และสีหน้ายังไม่ทันหายซีด
อย่าเพลี่ยงพล้ำ
อย่าให้ใครรู้
แค่อ่อนแอให้ลุงนั่นเห็นแค่แว่บเดียวก็น่าอายจะแย่อยู่แล้ว
ไนอาลปัดฝุ่นที่ไม่เคยมีอยู่แต่ก็วิตกจริตคิดไปเองว่ามีตามตัวตุ๊กตาสัตว์น้อยใหญ่ แต่สิ่งที่ต่างไปจากทุกวัน คือจำนวนคนในบ้านเพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง และตัวเขาเองก็ตัดสินใจนอนที่ห้องร้างทว่าสะอาดเอี่ยมนี้ไปจนกว่าจะถึงรุ่งสาง
ถึงวันพรุ่งนี้ ที่เขาไม่รู้ว่าจะรอดไปเห็นหรือเปล่า
ปัดฝุ่นให้ตุ๊กตาของลูก แล้วก็จัดเตียงลูก
ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงเกือบจิ้มเข้าเบ้าตาชายหนุ่มเองขณะเจ้าตัวแนบหูติดกำแพงห้อง คิ้วขมวดตั้งใจฟังว่าผู้พำนักอาศัยอีกคนเข้านอนไปหรือยัง
ไม่รู้ว่าตาลุงนั่นทำอะไรอยู่ แต่ท่าทางทุกอย่างจะสงบเรียบร้อยดี
คิดได้เช่นนั้นก็ผละร่างออกมานั่งพิงสีฟ้าและสีขาวที่ตนเป็นคนบรรจงทาเมื่อสองปีก่อน ลุกขึ้นไปเปิดลิ้นชักควานหาปากกากับกระดาษ ก่อนขยับไปใกล้หน้าต่างรับแสงจันทร์ที่ฉายเฉิดดังตะเกียงยักษ์
เวลาล่วงเลยไปอย่างเชื่องช้า เงียบงัน
หนึ่งชั่วยาม
สองชั่วยาม
อีกกี่กลุ่มเมฆลอยผ่านผืนฟ้าสีดำก็ไม่อาจทราบ แต่พอจะคาดเดาได้ว่าหลายชีวิตต้องสาปในเฟลเกลเอนคงจะเข้านอนกันไปหมดแล้ว
นายช่างหนุ่มเองก็ล้าเหลือเกิน แต่เขาก็ขืนเปลือกตาหนักอึ้งให้ลืมค้างยาวนานกว่าทุกคืน ในยามที่ไม่รู้ว่าตนจะตายวันตายพรุ่ง แทนที่จะลงไปซุกผ้าห่มนอนหลับให้เต็มอิ่ม สู้เร่งทำอะไรที่อยากทำให้เสร็จก่อนจะไม่มีโอกาสเสียยังดีกว่า
แผนการ ภาระงาน และคำสัญญา
สูตรผสมลับที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
ไม่มีวันสมบูรณ์-- ไม่ใช่
ไม่ใช่!
แค่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เท่านั้นเอง-
ทันใดนั้นเสียงเอียดอาดของไม้กระดานก็ดังขึ้นขัดกระแสความคิด ปลายปากกาชะงักตามมือผู้ใช้
หากเป็นเสียงที่ไกลออกไป ไนอาลก็คงจะปลอบใจตนเองได้ว่านั่นคือลุงคีฟที่หิวกลางดึกจนลุกขึ้นมาเดินสำรวจครัว
แต่เสียงนั้นอยู่ใกล้ ใกล้เกินไป
มันดังขึ้นมาจากสักมุมในห้องนี้นี่เอง
ดวงตาสีเปลือกไม้ทอดลงต่ำ มือที่ไม่ได้สวมแผ่นหนังหนาหุ้มเฉกเช่นยามทำงานละออกจากขนนกเปื้อนหมึกที่เคยกำเอาไว้เสียแน่นก่อนวางลงบนตักตน
รอให้ผู้บุกรุกเอ่ยปากพูดสักคำ--ได้โปรด ถ้ายังเป็นมนุษย์ละก็--จะได้หันไปตวาดใส่สักว้ากสองว้ากขอหาเข้ามาโดยพลการ
เสียงที่โสตประสาทรับได้มีเพียงลมหายใจของสัตว์ป่า
อย่างนั้นหรือ
คืนนี้
เป็นข้าเองหรอกหรือ
สองมือหยิบกระดาษมากมายบนตักออกวางข้างตัวด้วยอารามสั่นเทา แม้ลมทอดถอนใจที่ผ่อนออกมาก็ยังขาดห้วง
แต่มนุษย์ผู้ยังอวดดี
แม้จะไม่เท่าในลานเมื่อตอนกลางวัน
ก็เงยหน้ามองจันทร์เพ็ญ และกล่าวทักทายอย่างหยิ่งผยองอีกครั้ง
“อยู่ไม่สุข...เพราะคำพูดส่งเดชของข้า จนต้องรีบมาหาเลยอย่างนั้นหรือ...มอคเชรา...”
เจ้าของนามส่งเสียงขู่ตอบในลำคออย่างไม่หวังจะเสวนากับเผ่าพันธุ์ที่ตนเกลียดแสนเกลียด
“เจ้าคิดเจ้าแค้น แถมยังอ่อนไหวแค่เพราะข้าไปแหย่แค่หน่อยเดียว...” สิ่งเดียวที่จะทำให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความกลัวได้คงเป็นเพียงเสียงหัวเราะของเขาที่ทั้งสั่นและเจื่อน “ไม่เหนื่อย...บ้างหรือไงกันนะ...”
“อา...ใจเย็นน่า เรามีเวลา...ทั้งคืนเลยนะ…
ไม่ต้องห่วงหรอก...นี่เพิ่งคืนที่สอง...ชาแมนจะต้อง...ปล่อยให้ข้า” น้ำเสียงของชายหนุ่มเบาลงไปยามเอ่ยคำว่า “‘ตาย’...อยู่แล้วล่ะ… เบเนอร์เอง...ก็คงไม่อยากปกป้องข้า…
ใช่แล้ว...อาหารของเจ้าวันนี้...มันเป็นคนไม่สำคัญขนาดนั้นนั่นแหละ...คงจะไม่อร่อยเท่าไหร่ล่ะนะ...”
สัตว์ร้ายยังคงไม่เขยื้อนเข้าหา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสงสาร หรือสมเพชชายหนุ่มที่ยังพูดกับดวงจันทร์เสมือนว่านั่นคือหมาป่าเสียเองต่อไป
“ความลับของเจ้า...จะตายไปพร้อมกับข้า ถ้าเจ้าโชคดีพอที่จะชนะเทศกาลบ้าๆ นี่...เพราะงั้น...ในฐานะมื้อดึกของเจ้า...ขอถาม...จะได้หรือเปล่านะ
เคยมีเรื่องเล่า...สมัยก่อน...โลกมนุษย์...เคยเป็นหนึ่งเดียว...ไร้ชาติพันธุ์...ไร้ประเทศ
สื่อสาร...ด้วยภาษา...อันเป็นสากล...เพียงหนึ่งเดียว…
มนุษย์...ไขว่คว้า...อยากจะเอื้อมไปถึงพระเจ้า….จึงสร้างหอคอย...”
ริมฝีปากแห้งขยับยิ้มขื่น
“พระเจ้า...ผยองในอำนาจ...และโกรธกริ้ว...สาปแช่งมนุษย์…
ภาษา...จากหนึ่ง...กลายเป็นสิบ...กลายเป็นร้อย…
หอคอย...พังทลาย...มิอาจยืนหยัด...ยืดตนสู่สวรรค์…”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจที่ตนกำลังจะไม่ได้รับอีกเข้าไปจนสุด
หมาป่าคงไม่อยากเสียเวลาฟังเหยื่อเช่นเขาบ่นมากนัก
“หากพระเจ้า...ไม่ประสงค์จะให้มนุษย์ตีตนเทียบเท่า…
เฟลเกลเอน...ก็เป็นเช่นกัน...หรือเปล่านะ หมาป่าเอ๋ย…
คำสาป...กักขังให้มนุษย์พอใจกับความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำ...กักกันพวกเจ้า...ให้พึงใจกับการล้างแค้น
ทำไม...ทำไมกันนะ...ใคร….กำลังพยายามห้ามอะไรเอาไว้อยู่...
หากมนุษย์มีอิสระ...หมาป่าปล่อยวางจากเพลิงพยาบาท...” รอยยิ้มเฝื่อนแปรเป็นหยันเหยียดเมื่อมุมปากยกขึ้น
“ใคร...จะเสียประโยชน์”
ตุบ
ตุบ
ตุบ
เสียงอุ้งเท้าหนักย่างกรายเข้าหา
เวลาของไนอาล โอ คอนเนล กำลังจะหมดลง บ่ากว้างคล้อยตัวลงอย่างท้อใจที่จนแล้วจนรอดคนที่พูดก็มีแต่เขา
อาหารคงไม่สิทธิรับรู้อย่างนั้นสินะ
“มอคเชรา...เนื้อมนุษย์ของเจ้าในวันนี้...ไม่อร่อยเลย
เพราะนอกจากจะไม่มีใครอยากรั้งเอาไว้ให้อยู่ต่อแล้ว...มันก็ยังทุกข์ใจเหลือเกิน...ที่คืนนี้...คือคืนสุดท้ายในชีวิตของมัน”
สิ้นคำกล่าว ร่างสูงก็หันไปสบตากับหมาป่าเป็นครั้งแรก
พร้อมกันนั้น น้ำตาที่คิดว่าใช้ไปหมดจนไม่มีเหลือตั้งแต่สองปีที่แล้วก็พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง
“เขาว่ากันว่าวัวน่ะ...” ไนอาลกลืนกลบสะอื้นจนออกมาเป็นเสียงอึกเบาๆ ระหว่างที่ยังพูด “เนื้อจะเหนียวเคี้ยวยากถ้ามันรู้ว่ามันกำลังจะถูกฆ่านะ รู้หรือเปล่า…”
ชายหนุ่มก้มตัวลงจนหลังโก่ง หยาดน้ำใสรินกระทบฝ่ามือที่ยกขึ้นปิดหน้า
“ที่จริง...ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าไม่อยากตายจริงๆ หรือเปล่า...แต่ถ้าข้าตายตอนนี้...ชีบาล...ก็คงจะไม่มีวัน...กลับมามีชีวิตอีก...นางเป็นเมียข้าน่ะ มอคเชรา...แต่นางตายไปนานแล้ว….เหมือนกับพวกเจ้านั่นแหละ...”
ใบหน้าที่ก้มถูกขืนให้เงยขึ้น ก่อนทั้งร่างจะถูกกดลงกับพื้นเมื่อหมาป่าทิ้งน้ำหนักตัวลงไปทับ
มนุษย์ขยับปากเปล่งลมว่างเปล่าอยู่นานก่อนสุ้มเสียงจะหวนคืนมา
“และความจริง ข้าก็เคยคิด...ถ้าจับตัวพระเจ้า...ซาตาน...หรือตัวห่าเหวอะไรก็ได้ที่มีอำนาจวิเศษได้ละก็…นางจะกลับมาไหม...ถ้าข้า...เอาชีวิตของข้าให้พวกมันแทน...”
ชีวิต คือโอกาส
หากยังมีโอกาส แสดงว่ายังมีความหวัง
เพราะอย่างนั้นถึงพยายามซ้ำซาก บ้าบอ
ทำทุกอย่าง
ทุกอย่าง
เพราะหวังว่าสักวันนางจะกลับมา
เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่งดงาม
แต่นางไม่รับอนุญาตให้มีมันต่อไป ช่างไม่ยุติธรรม
นางที่งดงามและเลอค่ากว่าใครต้องตาย แต่เขาที่แสนจะเลวจัญไรยังมีชีวิตต่อไป
หากชีบาลเป็นมนุษย์ ไนอาลก็คงเป็นหมาป่า
สาปแช่งนาง ครอบครองนางและแย่งชีวิตไปจากนาง
เหมือนบาปกรรมจะตามทัน
ตอนนี้
หมาป่าตัวจริงก็จะมารับวิญญาณของเขาไปอีกคนแล้ว
“ความตาย...น่าเศร้า...ไม่ว่าจะเกิดกับใคร...หรือพรากใครไปจากใคร...” ธารโศกหลั่งใหลเชี่ยวกรากจนขอบตาก่ำแดง ถึงกระนั้นเขาก็ยังสบมองดวงแก้วโชนแสงตรงหน้า
แล้วระบายยิ้มออกมา
ความหมองยังไม่เสื่อมคลายจากใบหน้า แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่จริงใจ นุ่มนวล
อ่อนโยนยิ่งกว่ารอยยิ้มใดที่ไนอาลเคยให้กับใครตั้งแต่เกิดมายี่สิบหกปี
“ตอนที่ครอบครัวของเจ้าตาย...แล้วก็ตอนที่เจ้าตาย...เจ้าเสียใจ...มากหรือเปล่า…”
เจ้าคนขุดศพแมทเธียสเคยถามว่าทำไมเขาถึงอยากเจอมอคเชราหนักหนา
ในวันนี้ที่โลกของเขากำลังจะจบลง มนุษย์จึงบอกกับหมาป่า
หนึ่งประโยคที่เก็บงำมาแสนนาน ถูกกล่าวออกไป
ก่อนตาย
“ข้า...เข้าใจ...เจ้านะ”
ณ แดนดินอันไกลโพ้น
คืนหนึ่งในหลายคืนที่จันทร์เพ็ญลอยกระจ่างฟ้า
แม้หลายปีผ่านไป
หมาป่าออกล่าเหยื่อ
ยินเสียงเจ้าขับทำนองหวาน
หนึ่งในสองชีวิตที่จบลง
กล่อมข้าเมื่อยามเข้านอน
คือนายช่างหนุ่มเดียวดายที่ใครต่างมองว่าเป็นคนเพี้ยน
แค่คำร้องง่ายดาย ไม่ซับซ้อน
ในหมู่บ้านที่เข้าใจว่าหมาป่าจะคืนชีพทุกสามสิบเก้าปีเพื่อฆ่าคนเป็นเรื่องปกติ
อย่างที่จำไว้ได้ขึ้นใจ
แต่หนึ่งร่างที่กำลังถูกกลืนกินให้หายไปตลอดกาล
ยอมมอบโลกทั้งใบ แลกเจ้าคืนกลับ
เคยมีปรารถนาอันแรงกล้าที่จะนำหนึ่งชีวิตที่ดับสิ้นเร็วเกินไปให้กลับมา
มาร้องเพลงให้ข้าฟัง
ก็ยังคงถูกมอง...ว่าเป็นคนเพี้ยน?
Too-ra-loo-ra-loo-ral
แต่เพราะนี่คือความจริง ไม่ใช่ความฝัน
Too-ra-loo-ra-li
จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ทุกความหวังจะสัมฤทธิ์ผล
Too-ra-loo-ra-loo-ral
เศษเสี้ยวที่เคยเป็นไนอาล โอ คอนเนล
อย่าร้อง ข้าอยู่นี่ไง
จึงขับขานบทเพลงสุดท้ายของชีวิต
Too-ra-loo-ra-loo-ral
แม้เสียงร้องจะไม่ได้เรื่องเลยก็ตาม
Too-ra-loo-ra-li
เขาก็ยังอ้อนวอน
Too-ra-loo-ra-loo-ral
ขอพร
จงหลับฝันดี เหมือนทุกคืน
ภาวนา
ป่านนี้ก็ยังได้ยินเสียง
แด่นกน้อยที่ยังปลอดภัยในพงไพร เด็กหญิงผู้ห้าวหาญเหมือนเปลวเพลิง
ยังจดจำห้วงเพลงกล่อมนอน
แด่คนนอกที่หลงลืมอดีต ชายหนุ่มที่ยังมีแม่และพี่สาวรออยู่
ความหลังมากมายบอกให้รู้
แด่น้องสาวตัวน้อยจากโลกข้างนอก นักเดินทางผู้รักการบันทึก
ดวงใจเจ้าแกร่งกว่ารักใด
แด่วิญญาณชายชราผู้โชคร้าย แด่คุณลุงหนอนหนังสือที่พูดน้อยและขี้อาย
คำร้อง ทำนอง ยังหลอกหลอน
แด่หญิงสาวกับบทเพลงแปลกประหลาดที่นางชอบร้อง น้องสาวม้าดีดกระโหลกที่ด่วนจากไปก่อนหน้า
ผ่านกี่ปี ไม่เคยจางหาย
แด่คนนอกตาบอดที่โชคยังดีไม่ได้มาผจญคำสาป ครูหนุ่มผู้เป็นที่รักของศิษย์
Too-ra-loo-ra-loo-ral
แด่นักขุดศพที่คงจะเข้าใจความเศร้าของการสูญเสียขึ้นมาบ้าง พรานเดียวดายผู้อ้างว่าตนเป็นเพียงแพะ
จดจำไว้ จนวัน ข้าตาย
แด่ช่างทำถุงมือที่ไม่ได้เย็นชาอย่างที่คิด นักตกปลาที่มีกระรอกเป็นเพื่อนคู่ใจ
Too-ra-loo-ra-loo-ral
แด่สาวน้อยผู้ปิดบังหน้าตาใต้ผ้าคลุมหนา แม่หมอผู้รอบรู้และเข้าใจพี่น้องร่วมหมู่บ้าน
Too-ra-loo-ra-li
แด่หญิงสาวที่ได้อยู่อย่างปลอดภัยท่ามกลางธรรมชาติที่นางรัก สหายสาวผู้จากไปเป็นคนแรก
Too-ra-loo-ra-loo-ral
แด่เพื่อนไร้แขนผู้ครอบครองนามแห่งความสุข ชายแก่ผู้ร่ำสุราต่างน้ำ
อย่าร้อง ข้าอยู่นี่ไง
แด่เด็กหนุ่มนักพับนกกระดาษ สาวน้อยที่ยังต้องปรับปรุงฝีมือทำอาหารอีกมาก
Too-ra-loo-ra-loo-ral
แด่คนไร้เพศ แต่ก็ไร้ตราสาป คุณลุงใจดีที่ความสูญเสียไม่ทำให้ความอ่อนโยนเจือจางไปได้เลย
Too-ra-loo-ra-li
แด่บุตรชาวนาที่ดวงความรักไม่ค่อยจะดี นกน้อยที่ร้องเพลงไม่ได้
Too-ra-loo-ra-loo-ral
แด่เด็กสาวแก่นแก้วแต่ใจดี มอบขนมปังและเนยให้อิ่มท้องไปหลายวัน และ
แด่เด็กหนุ่มที่เผลอปากเสียแช่งไปว่าจะอายุไม่ยืน
แต่ก็อยู่นานกว่าข้าแล้วล่ะนะ
กล่อมให้หลับฝัน ดี เรื่อยไป
ราตรีสวัสดิ์.