วิ่งฝ่าทุกงานหลวงมาแปะ
ได้หลายคนช่วยถมช่วยแปะ ไหว้แรงฮือ
และแอบเนียนเอารูปวาดเล่นเก่าๆมาตัดแปะ...
นาทีที่พิมพ์ตรงนี้อยู่ก็ยังคงโดนทวงงานหลวงยิกๆ ไม่แคร์
เอนจอยค่ะ
== Talk a bitch ==
ก่อนอื่นเลย ช่วงขอบคุณ
- ขอบคุณพี่ไอริกับพี่โบ๊ทมากกกกก มากล้านตัวที่ช่วยปั่น ช่วยตีกรอบ ช่วยในหลายๆหน้า ช่วยแปะคำ ช่วยถมดำ ถมเทา และดูให้ในเวลาที่งานพังทลายมาทับเรา รักรักรัก ขอบคุณอีกล้านล้านล้านรอบ T_T ไม่คิดว่าจะได้ส่งด้วยแอบตัดใจไปแล้วนิดหน่อย โฮรวว ขอบคุณมากค่ะ งานหน้าเอาใหม่ จะพยายามดูแลตัวเองไม่ให้เกิดเหตุฉุกเฉินแบบนี้อีก เข็ดแล้วค่าา orzzzzzz
- ขอบคุณพี่เทียที่ชวนมาเล่นคอมมูนี้นะ ขอบคุณที่ฉุดกระชากลากถูมาส่งตัวละครแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดว่าจะเล่นอะไรจริงจัง แต่รู้ตัวอีกที อ้าวรักไปแล้ว รักคอมมูนี้อ่ะ 5555 รักเธอด้วย อยากสาระในนี้ให้โลกรู้ รู้สึกว่าโชคดีจริงๆได้มาเล่นตรงนี้
- ขอบคุณสตาฟในความเหนื่อยและสร้างคอมมูนี้นะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกๆคนที่มาเล่นด้วยกัน มารู้จักกัน ชอบทุกคน ประทับใจทุกคน รักทุกคน ทุกคนน่ารักมาก คือเราก็บ้าๆบอๆแบบนี้(ถ้าเรื้อนเกินไปบางทีเตือนตรงๆได้นะคะ)แต่ก็ยังมีคนบอกว่าชอบคาเล่ย์ ขอบคุณจากใจค่ะ ถ้าทำอะไรผิดไปให้ใครไม่พอใจขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ จากนี้ไปก็ฝากตัวกันอีกยาว
ช่วงขอโทษสั้นๆ : ไม่มีอะไรจะบอกขอโทษนอกจากเรื่องเผาช่วงจบ งานหน้าเอาใหม่ สัญญาค่ะ T T มองหน้าแรกๆสลับอันสุดท้ายแล้วอยากเอาหัวโหม่งกล่องกะทิชาวเกาะตาย พับผ่า ถ้ามีเวลาว่างหลังจากนี้ตั้งใจจะมาวาดแก้หน้าที่เผายับทีหลัง ...คิดว่านะถ้ามีเวลาและสภาพร่างกายไหว... ตอนนี้ไม่ ไม่ได้นอนมาสี่วันติดแล้ว...เดี๋ยวน๊อคจริง orz ขอโทษที่ไม่ได้วาดหลายๆคนนะคะ แถมบางคนยังโดนเผา--
เข้าเรื่องมาสรุป 1 ปีของคาเล่ย์กันต่อก่อย
เมนหลักของเรื่องคือคาเล่ย์เป็นเด็กใจร้ายค่ะ 555555555 (มีคนหลังไมค์มาโวยวายบ้างเรื่องนี้ ขอโทษที่หักหลังพังภาพสาวน้อยยับเยินค่ะ ตอนนี้ยังเปิดให้ส่งกำลังใจมารุมทับผปค.หลังไมค์นะค----)
โอเคจากตรงนี้ หลายคนคงเดาไปแล้วว่าคาเล่ย์เป็นใคร เป็นนายพรานแน่นอนอันนี้ เป็นนักพนันด้วย ไม่ใช่ฉายาปลอมแต่อย่างใด ว่าแต่นางเข้าไปทำอะไรในวัง ไปเสนอหน้าอยู่ตรงนั้นทำไม ปีหน้าๆๆก็คงจะรู้(มั้ง) แต่เท่าที่บอกได้คือ คาเล่ย์ไม่ใช่เด็กไร้หัวใจหรือเสแสร้งอะไรทำนองนั้น(อาจจะมีบ้าง) คาเล่ย์แค่ไม่ชอบการที่ต้องเสี่ยงกับความไม่แน่นอน ซึ่งเรื่องความรู้สึกจัดเป็นหนึ่งในนั้น ทำให้เธอไม่ยอมที่จะเปิดให้ใครเข้ามามีอิทธิพลทางความรู้สึก นอกจากคนในครอบครัวอย่างเวอร์นัล ...แน่นอนว่าหลังหมดปีนี้เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนไป แต่ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนไปในเรื่องการเปิดใจ ตอนนี้ยังแค่อยากจะลองยื่นมือออกไปหาคนอื่น แล้วก็ลองดึงมือคนอื่นเข้ามาดูบ้าง ถ้ามันโอเค เธออาจจับไว้ให้แน่นขึ้น แต่ก็แน่นอนว่ามีสิทธิ์ที่จะปล่อยทิ้งเหมือนกันนะ ก็เป็นเรื่องของอนาคต :)
อีกเรื่องที่คาเล่ย์ค่อนข้างใช้เป็นหลักในชีวิตคือเรื่องผลประโยชน์ เวลาทำอะไรเธอมักจะคิดถึงว่ามีผลได้ผลเสียผลดี ผลกระทบตามมายังไง ทำแบบไหนเธอจะได้ผลประโยชน์มากกว่าคนอื่น ได้มากที่สุด แล้วเอามาเป็นเกณฑ์ในการดำเนินชีวิต จุดนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสำหรับปีนี้ ยังคงเป็นเหมือนเดิม หรืออาจมากกว่าเดิม... บ้าจริง ใครก็ได้ดัดสันดานมันที ช่วยด้วย 55555555555
แต่คาเล่ย์ไม่ได้ไร้ใจ ทุกเสียงหัวเราะ ทุกรอยยิ้ม ( ...หรืออาจเกือบทุก) เป็นของจริง เธอสนุก มีความสุขกับมัน เพียงแต่จะเปิดรับมันเข้ามาไม่ได้ สิ่งที่คาเล่ย์ทำคือรับมันเข้ามาแล้วปล่อยมันผ่านออกไปเหมือนเป็นฉากหนึ่งของหนังที่เข้ามาแล้วก็จบ พอจบก็กลับมามองความจริงว่าอะไรเป็นอะไร เธอไม่ใช่คนในหนังเรื่องนั้น ว่าแต่เธอเป็นอะไรล่ะ..?
คาเล่ย์เข้ามาเรียนด้วยความรู้สึกที่ ........นานิโมไน.. /เอาใหม่ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลย เป็นคนรักสนุก ชอบเที่ยวชอบเดินทาง การได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่จึงเป็นเรื่องที่น่าสนุกสำหรับเธอ แต่ว่าจริงๆในใจลึกๆคาเล่ย์ก็อยากจะค้นหาตัวเองเหมือนกัน ทุกวันในบ้านเกิด ทุกอย่างในบ้านเกิดคือสิ่งตอกย้ำว่าคาเล่ย์มีหน้าที่อะไร เธอไม่พอใจนักกับเรื่องนี้ เพราะเธอไม่ได้เลือกเอง แต่เกิดมาพร้อมกับมันมากกว่า แล้วภาพของคนในครอบครัวก็ยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่คาเล่ย์ควรทำคืออะไร มุมนึงลึกๆเธออยากหนี แต่ก็รักมันเกินกว่าจะหนีจากมันได้ ขัดแย้งในตัวเองชิหาย ตอนนี้เลยเป็นว่าปล่อยตัวตามเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาไปก่อนก็แล้วกัน จากนั้นค่อยว่ากันอีกที ถ้าเลือกไม่ได้จริงๆก็คงต้องกลับบ้านน่ะนะ..
แต่ปีนี้คาเล่ย์ไม่กลับบ้านจ้า หนึ่งคือไปเที่ยวบ้านเพื่อน สองคือยังไม่อยากเจอพ่อด้วยเหตุผลบางประการ แม้จะอยากเจอใครต่อใครที่กิลดิเรกมากแต่พอนึกว่ายังไงก็ต้องเจอพ่อถ้ากลับ เลย... อืม ไม่กลับก็แล้วกัน จริงๆพ่อพยายามจะมาหาในช่วงงานหมากกระดาน แต่คาเล่ย์ทำตัวเสมือนไม่ว่างแล้ววิ่งไปหาเรื่องมีธุระกับคนนู้นทีคนนี้ทีเพื่อเลี่ยงที่จะเจอหน้าพ่อ รอดตัวไป แม่ก็ไม่อยากเจอ แต่คนละสาเหตุกับพ่อ ของแม่เป็นเรื่องการเรียน...
กับการเรียน... คาเล่ย์เป็นเด็กบ้าเรียนมาก ไม่ หยุดอย่าเพิ่งเถียงว่าไม่เข้ากับลุค ฮือออ เพราะการได้รู้ได้ทำอะไรใหม่ๆถือเป็นเรื่องสนุก การเรียนและโรงเรียนจึงสนุกมากสำหรับเด็กที่ชีวิตในแต่ละวันเคยมีแค่ท่านพี่ ท่านพ่อท่านแม่ ท่านอาจารย์ ฝ่าบาทเป็นหลัก วิชาถนัดสุดของคาเล่ย์คือหน้ากากฟาโรห์ แหงล่ะ... นางซ้อมมาทั้งชีวิตในวงไพ่กับในวังนี่นา ส่วนวิชาทั่วไปไม่มีปัญหา(ในเรื่องความรู้สึกต่อตัววิชา) ชอบทั้งหมด แต่จะทำได้ดีไหม.. ขึ้นอยู่กับลมฟ้าลมฝนล้วนๆ ถ้าเบื่อๆก็จะไม่เรียนเลย ปล่อยตกช่างมัน แต่ถ้าสนใจก็จะทำได้ดีซะงั้น สิ่งที่เป็นปัญหาของคาเล่ย์คือเวทมนตร์ เพราะลักษณะทางกายภาพที่เป็นชาวดวาลา ชนพื้นเมืองของกิลดิเรก(อ่านข้อมูลเพิ่มเติมในเพจกิลดิเรกนะคะ) เลยไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เต็มที่นัก แต่ก็ได้เฟลิกซ์สวยมาคอยช่วย จนตอนนี้ก็พอจะไหวนิดหน่อยล่ะนะ ! สุดท้าย กับวิชาการต่อสู้ไม่มีปัญหาเพราะชอบ แต่ก็พยายามจะอัพเกรดตัวเองให้เก่งกว่าเดิมตลอดเวลา โชคดีจังมีเคซาร์เป็นอาจารย์พิเศษส่วนตัว ซึ่งถ้าเรื่องดาบก็พอฟัดพอเหวี่ยง แต่พอเป็นอาวุธยาวอย่างหอกหรือพลอง ทำไมเคซาร์เก่งเหมือนไม่ใช่คนแบบนั้นล่ะคะ..... orz สักวันคาเล่ย์จะเอาธนูยิงคอเคซาร์จากระยะหกเมตรด้วยความอิจฉ-- สุดท้ายที่ทำได้ดีที่สุดก็คงจะเป็นอาวุธหากินประจำกายอย่างธนูกับมีดสั้นนี่แหล่ะ แต่ทั้งนี้คาเล่ย์ไม่คิดจะลงสนามต่อสู้ที่ไหนอย่างไร
ขี้เกียจ คำเดียวอธิบายได้ครบ คือเป็นเด็กมักง่ายระดับมืออาชีพ
และเพราะทั้งชีวิต สิ่งที่พอจะอวดใครเขาได้นอกจากฝีมือโกงไพ่ก็มีแต่หมากรุก เลยตกลงปลงใจเป็นคนเดินหมากแบบไม่ต้องพิจารณาอะไรเลย นั่งสบายส่งเพื่อนไปตายหมู่ ไม่ได้คิดอะไรไม่ได้ใส่ใจลงไปอยู่แล้ว เข้าทางเลย
ตอนแรกคิดงั้น
ตอนหลังคิดงี้
.... ทุกคนดูมีความรู้สึกร่วมกับมันจัง ..ฉันจะมีความรู้สึกแบบนั้นบ้างได้ไหมนะ..
เลยพลอยทำให้คิดว่าปีหน้าอาจมีอะไรเปลี่ยนไปในเรื่องนี้แน่ๆ
คาเล่ย์มีความรู้สึกนะ แต่ไม่ค่อยจะหยิบยกมาใช้ แล้วก็ชอบเก็บมันลงไป เจ้าตัวมองว่าความรู้สึกเป็นปัญหาหลักของมนุษยชาติ แต่ก็เป็นสิ่งที่สวยงามสุดด้วย ทำนองนั้น เธอมองว่าความรักมีจริง รักครอบครัว รักเพื่อน คนรัก รักอะไรต่อมิอะไร แต่การรีเลตกับคนอื่นน่ะ ทุกๆการรีเลตจะมีฝ่ายใดฝ่ายนึงเป็นคนเสียเปรียบ แน่นอนว่าคาเล่ย์ไม่คิดจะเป็นฝ่ายนั้น แต่มันก็ไม่ชัวร์ว่าเราจะเป็นต่อได้ในทุกความสัมพันธ์ เพราะงั้นอย่าสร้างมันเลยดีกว่า นี่ไง มองอะไรเป็นเรื่องได้เสียไปหมด 5555 แต่การได้เจอใครหลายๆคนที่ไม่ใช่คนใน แต่กลับสร้างความรู้สึกดีๆให้ได้ โดยเฉพาะฟ็อกซี่ ทำให้มีบ้างที่คาเล่ย์อยากจะลอง แต่ก็ยังไม่กล้าเสี่ยงอยู่ดีในทีแรก จนหลังๆก็เริ่มมีบ้างแล้วล่ะที่เริ่มจะลองเชื่อเรื่องพวกนี้สักครั้งสองครั้ง ...หรืออาจจะมากกว่านั้น
หวังว่าในอนาคตมันจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น
ปีหน้าก็ฝากตัวด้วยนะคะ
== ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ==