JustPaste.it

A Tale of Becoming an Addict to Humanity






ตั้งแต่ยังเล็ก ข้าเป็นคนชอบการทำงาน และรักที่จะเข้าใจว่าสรรพสิ่งเกิดขึ้น ดำเนินอยู่ และดับไปอย่างไร

แต่เพราะข้าไม่ค่อยเข้าใจ และไม่สามารถทำตนให้เข้าใจได้ว่ามนุษย์โดยแท้แล้วเป็นเช่นไร ทำไมมนุษย์ต้องรู้สึก ดีใจ เสียใจ ร้องไห้ โกรธเกรี้ยว ชื่นชม ทำไมมนุษย์ต้องรักและต้องเกลียด

ข้าเลยต้องหยุดตนเองให้เข้าใจได้แค่ว่าเครื่องจักรทั้งหลายทำงานอย่างไรแทน

ข้าทำได้แค่ผ่า ตัด เชื่อมวัตถุที่ทำจากกระดาษ ไม้ และโลหะ จึงซ่อมวัตถุเหล่านั้นได้

แต่ไม่เคยได้รับอนุญาตและมือไม่ถึงพอที่จะผ่า ตัด หรือเชื่อมมนุษย์และจิตใจของพวกเขาได้ จึงซ่อมแซมพวกเขาไม่ได้เช่นกัน


เฟลเกลเอนเป็นหมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์ ไม่เคยมีภัยธรรมชาติ สงคราม หรือปัญหาใดเข้ามารบกวน ทุกคนจึงกินอยู่อย่างสุขสบาย และพอใจที่จะอยู่กับสภาวะที่ตนเข้าใจว่าคือ ‘สวรรค์’ โดยไม่ต้องดิ้นรนเพิ่มเติม

หลายคนจึงมองว่าข้าประหลาดที่กระเสือกกระสนสร้างและต่อเติมสิ่งที่ไม่น่าจะจำเป็นกับชีวิตที่นี่


ช่างสิ

ช่างปะไร

ช่างหัวคนพวกนั้น


ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะอยากเข้าใจทุกคนสักหน่อย

คนอื่นจะไม่อยากเข้าใจข้ากลับไปบ้าง ก็ไม่เห็นเป็นไร รถลากน่าสนใจกว่าเจ้าพวกเดินได้ พูดได้ กินได้เป็นไหนๆ


ไม่เป็นไรนะ ไนอาล





ไม่เป็นไร










“นั่นมันอะไรน่ะ เป็ดไม้?”

“นกไม้ต่างหาก”


“นี่ ปีกใหญ่ขนาดนั้นมันจะใช้บินได้จริงน่ะหรือ?”


“ต้องบินได้สิ ก็พวกนกที่บินได้ก็เพราะมีปีกไม่ใช่หรือ? ยิ่งต้องเสริมปีกให้หนักๆ เลย”


“ยิ่งหนักยิ่งบินไม่ขึ้นนะ ข้าเคยอ่านหนังสือที่พ่อข้าซื้อให้ระหว่างทางมาที่นี่แล้วเขาเขียนเอาไว้ว่านกบินได้เพราะตัวเบา ไม่ใช่เพราะปักใหญ่ตัวหนัก”


“ยุ่งน่ะ ผู้หญิงสอดรู้”


“ข้าไม่ได้ชื่อผู้หญิงสอดรู้ ข้าชื่อชีบาล แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร ผู้ชายหยาบคาย?”




ชีบาลแพ้นมวัว

นางบอกข้าว่าอาการป่วยนี้ไม่ได้ติดตัวนางมาตั้งแต่เกิด อยู่มาวันหนึ่งที่ลองดื่มนมที่พ่อกับแม่ของนางซื้อมาฝาก นางก็รู้สึกอึดอัด ไอรุนแรง หายใจไม่ออก

อาหารชนิดอื่นมีนมวัวเป็นส่วนผสมก็ให้ผลเดียวกัน ข้าจึงคอยระวังไม่ให้ที่บ้านของเรามีของพวกนั้นมาตลอด แต่ผู้หญิงดื้อนั่นก็แอบไปขอนมเนยจากบ้านอื่นมาดื่มกินอยู่เรื่อยไปแม้จะป่วยขึ้นมาอีกแล้วโดนข้าดุว่าซ้ำซาก


“เจ้าเด็กโง่” ข้ากล่าวพร้อมลูบหน้าลูบผมตัวเองอย่างเอือมระอาในคืนหนึ่ง ข้างตัวมีภรรยาจอมซนที่แม้จะสิ้นฤทธิ์นอนอยู่บนเตียงแต่ก็ยังจ้องข้ากลับมาด้วยดวงตาใสแป๋ว


หยุดนะ ไม่ต้องมามองอ้อนเลย


“รู้ทั้งรู้ว่ากินแล้วจะไม่สบายทุกทียังจะทำอยู่ได้”


“เจ้าไม่เข้าใจ ไนอาล นมน่ะอร่อยจะตาย”


“เรื่องอร่อยน่ะข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้ายังแกว่งเท้าหาเสี้ยนอยู่แบบนี้ต่างหาก”


“เจ้าคนโง่” ยังมีหน้ามาย้อนข้าอีก “อะไรที่เราชอบและติดใจไปแล้วหนหนึ่งน่ะ จะให้ถอนตัวจากมันมันยากมากนะรู้ไหม?”


“เจ้าพูดเหมือนไอ้ขี้เมาติดเหล้าเลยชีบาล”


“ข้าไม่ได้เสพติดอะไรทั้งนั้น” ใบหน้าของนางน่ารักขึ้นไปอีกยามทำปากยู่ๆ งอนใส่ข้าแบบนั้น “เจ้าเถอะ ก็ติดซ่อมนู่น สร้างนี่เหมือนกันไม่ใช่หรือไง จะให้เลิกก็ทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”


ข้าไม่ตอบอะไร เอาแต่มองนางกลับเงียบๆ

ใช่ มีไม่กี่สิ่งที่ข้าติดใจและตีตนออกห่างไปไม่ได้ อย่างเช่นการประดิษฐ์ที่เจ้าว่า

แต่ว่านะ ชีบาล ข้าฉลาดกว่าเจ้านัก เจ้าเด็กโง่

สำหรับมนุษย์น่ะ

ข้าจะติดแค่เจ้ากับลูกของเราที่มาไม่ถึงและไม่มีวันกลับมาหาข้าได้อีก

แค่พวกเจ้าสองคนก็พอแล้ว

ข้าจะไม่ปันใจให้เจ้าคนพวกนั้นหรอกนะ

ถึงจะคราวนี้จะต้องรู้ให้ได้ว่ามนุษย์เป็นอย่างไร ชีวิตทำงานอย่างไรและมาจากไหน

ข้าจะไม่ติดใจพวกเขาอย่างที่เจ้าชอบดื่มนมแล้วเลิกไม่ได้หรอก


พอแล้ว



ข้าติดแค่เจ้าก็พอแล้ว



“มีอะไรกับข้าหรือเปล่า...ไนอาล?”


แค่คุยด้วยเฉยๆ แค่ต้องสังเกต


“เจ้าา…ได้ยินเมื่อตะกี้นี้ใช่ไหม?”


เจ้ามันก็แค่เพื่อนไอ้คนขุดศพปากเสีย



“พี่ไนอาลลลลลลล เสียงท้องร้องดังกว่าเสียงตอกตะปูอีกกกกกกกก”


หนวกหู เจ้าเด็กผู้หญิงเจิดจ้า



“เก่งนี่ครับ ครั้งแรกก็ทำได้แล้ว”


ไม่ต้องให้เจ้าสอนข้าก็ทำได้หรอกน่า

พอได้แล้ว



“เออ เห็นแก่ที่เจ้าเจ็บตัว ข้ายอมงี่เง่าคนเดียวก็ได้...แต่แปลว่าคำสาปเป็นของจริงสินะ?”


ก็ใช่น่ะสิ คนนอกหน้าโง่ ไปซะ หนีไปให้ไกลแล้วอย่ากลับมา

ไม่ใช่เพราะข้าเป็นห่วงเจ้าหรืออะไรทั้งนั้น


พอ-


“เจ้าพูดใหม่ได้นะไนอาล เจ้าจะให้ข้าเอาแขนไร้เรี่ยวแรงนี่ไปสู้รบปรบมือกับวัวกำลังโต?”


ข้าอุตส่าห์ยอมลากเจ้าเข้ามาด้วยเพื่อสังเกตการณ์ชีวิตเชียวนะ

ฝีเท้าของเจ้ายอดเยี่ยมกว่าฝีมือคนมีมือบางคนเสียด้วยซ้ำ

ไม่ แต่ก็ไม่ใช่เพราะเห็นเจ้าเป็นเพื่อนหรืออะไรทั้งนั้น


หยุด



“ท่านั่งแบบนั้นเป็นท่านั่งของคนกำลังมีความทุกข์นะคะ พี่ไนอาล”


หยุดเลยนังหนูรักน้ำรักปลา

ถ้าข้าจะทุกข์จริงก็ไม่ได้อยากให้เจ้ามายุ่งด้วยสักนิด



“สาวงาม…ขอบคุณพี่อีกทีนะคะ”


ต้องให้ข้าย้ำกับเจ้าอีกกี่ทีว่าเจ้ามันก็แค่เกือบน่ารัก หยุดได้แล้ว



“เจ้าพูดอะไรไร้สาระไนอาลคนเพ้อเจ้อ เจ้าต่างหากที่เหงาข้าเลยมาชวนเล่นด้วย”


เจ้ามันอยู่กับคนตายมากกว่าคนเป็นจนไม่รู้เลยหรือไงว่าคนเหงาน่ะมันเจ้าต่างหาก

ให้ตาย ขนาดข้ายังเข้าใจเลย

เจ้าจะต้องได้รู้ซึ้งแน่ยามจบเทศกาล ไอ้ผู้นำสารปากเสีย



“เจ้ากำลังถามข้าเพราะส่วนหนึ่งเจ้ากำลังสับสน เจ้ากลัว และอยากจะมีชีวิต ถูกไหมล่ะ?”


อย่ามารู้ทันนะ ยายบ้า



“ฉันไม่อยากทำตัวเป็นภาระใครนี่คะ”


เจ้าเลือกอยู่คนเดียว แล้วเจ้าก็จากไปเป็นคนแรก

คนที่กลัวว่าจะไปอยู่กับใครแล้วเป็นภาระนั่นมันควรจะเป็นข้าต่างหาก

ทั้งๆ ที่ถ้าขอพวกเอียนอยู่ด้วยเจ้าก็อาจจะรอดนานกว่านี้แท้ๆ



“ความลับน่ะ”


ข้าก็ยังผิดหวังอยู่ดีที่เจ้าไม่ใช่ตาเฒ่าหัวล้านมีตาข้างเดียว

แล้วก็ไม่ได้ดีใจที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่หรอก ไม่ ไม่


ไม่



พวกเจ้าทุกคนมันแย่ที่สุด



“พี่ไนอาลออกจากบ้านมืดๆ ค่ำๆ แบบนี้ไม่กลัวหรือคะ?”


เจ้าก็ชักจะกล้าเกินเด็กไปแล้ว

ถ้าเจ้าเป็นลูกสาวข้า ข้าจะจับเจ้าตีก้น เด็กดื้อ



“แล้วเจ้าจะผ่านมันไปได้ ไนอาล”

ไม่

ข้าจะไม่มีวันทำใจได้ จะไม่หยุดร้องไห้ จะไม่เลิกเสียใจ

ก็เพราะไม่ใช่แค่ชีบาลกับลูกข้า แต่ทุกคนกำลังจะตายไม่ใช่หรือไง


หยุดได้แล้ว!















“นอกจากคนที่ท่านรัก ก็ยังมีข้าที่เป็นห่วงท่านอยู่”


เด็กโง่...

เมียข้าส่งเจ้ามาเป็นพ่อคนที่สองให้ข้าหรือไง...






แต่บางที คนที่โง่ที่สุด

คนที่หยิ่งผยองว่าตัวเองจะรอด และจะไม่ติดกับดักทางใจของใครได้

ก็อาจจะเป็นข้าเอง









วันหนึ่งที่ท้องฟ้าแจ่มใส

กลุ่มมนุษย์ถูกจองจำในกรงทอง ถูกฝืนให้ฆ่ากันเองด้วยคำสาปของหมาป่า

หนึ่งชายหนุ่มโง่งมเผยใบหน้าเรียบเฉย

มิใช่เพราะสูญสิ้นความลังเลที่จะส่งเพื่อนร่วมหมู่บ้านขึ้นตะแลงแกง

แต่เป็นเพราะแพ้ ตนพ่ายแพ้แล้ว

ทะนง อวดดี และลองสัมผัสกับสายสัมพันธ์ของมนุษยชาติจนถอนตัวไม่ขึ้น


ทั้งสามครั้งที่ต้องเลือก

บนแผ่นป้ายของเขาจึงถูกแต้มด้วยประโยคเดิมไม่ว่าใครจะพูดสิ่งใด




“ข้าไม่อยากเลือก”




ชายหนุ่มคนนั้นมีชื่อว่าไนอาล โอ คอนเนล