JustPaste.it

 

อาลีบาบากับโจรสี่สิบคน

 

อาลีบาบา และ คาซิม เป็นลูกชายของพ่อค้า หลังจากพ่อตายคาซิมก็ได้แต่งงานกับหญิงผู้ร่ำรวยและขยายกิจการของพ่อ ส่วนอาลีบาบาก็ได้แต่งงานกับหญิงยากจนและกลายเป็นคนตัดไม้

 

วันหนึ่งอาลีบาบากำลังทำงานอยู่ในป่า ได้ยินเสียงโจรสี่สิบคนตะโกนว่า “เซซามีจงเปิด” และ เซซามีจงปิด” ((หรือมันจะออกเสียงว่าซิมซิมนะ...)) เพื่อเปิดประตูถ้ำและเอาสมบัติไปเก็บ อาลีบาบาจึงทำตามบ้างและนำสมบัติบางส่วนกลับบ้าน

 

อาลีบาบาและภรรยายืมเอาตาชั่งจากพี่สะใภ้มาตวงน้ำหนักสมบัติ ปรากฎว่าเผลอมีเหรียญทองติดอยู่เลยนำไปบอกสามีคือคาซิม คาซิมจึงไปเค้นคออาลีบาบาเพื่อให้บอกคาถาและเข้าไปเอาสมบัติบ้าง ปรากฎว่าคาซิมมัวแต่สนใจสมบัติเลยลืมคาถาขาออก โจรเข้ามาพบเลยฆ่าคาซิม

 

อาลีบาบาพาร่างพี่ชายกลับบ้านของพี่ แล้วได้ไปเจอทาสผู้เฉลียวฉลาดชื่อโมลเซียน่าที่บ้านคาซิม โมลเซียน่านำเงินไปซื้อยาและจ้างช่างเย็บผ้ามาเย็บร่างคาซิมเข้าด้วยกัน งานศพของคาซิมจึงผ่านไปโโยไม่มีใครสงสัย

 

ต่อมาเหล่าโจรพบว่าศพหายไป จึงรู้ว่ามีคนอื่นที่รู้ความลับนี้ เลยออกตามล่า และไปเจอบ้านคาซิม (รู้เพราะมีจัดงานศพและช่างเย็บผ้าคนนั้นบอก) โจรจึงทำเครื่องหมายไว้ที่ประตูบ้านเพื่อที่กลางดึกจะได้บุกเข้ามาฆ่าทุกคนในบ้าน โมลเซียน่าจึงทำสัญลักษณ์นี้ไว้ที่บ้านอื่นทุกบ้าน โจรจึงสับสน และคราวต่อมาโจรนำก้อนหินมาวางเป็นสัญลักษณ์ โมลเซียน่าจึงทำอย่างเดิม โจรจึงไม่สามารถบุกเข้ามาฆ่าอาลีบาบาได้ แต่คราวนี้ โจรได้มาจดจำลักษณะบ้านของอาลีบาบาไว้ได้แล้ว โจรสองคนที่ทำผิดพลาดถูกฆ่า (เหลือสามสิบแปด)

 

หัวหน้าโจรไว้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าน้ำมัน แล้วบอกว่าจะมาพักที่บ้านอาลีบาบา โดนเตรียมถึงน้ำมันมาสามสิบแปดใบ มีถังหนึ่งที่มีน้ำมันอยู่จริง ที่เหลือเป็นโจรซ่อนตัวอยู่  โมลเซียน่ารู้เข้าจึงนำน้ำมันที่มีอยู่จริงถึงนึงนั้นไปต้มจนเดือดแล้วเทใส่โจรที่เหลือจนตาย แล้วจากนั้นโมลเซียน่าก็ได้เต้นรำโชว์หัวหน้าโจรแล้วได้นำกริชที่ใช้ระหว่านเต้นแทงหัวหน้าโจรจนตาย แล้วบอกความจริงอาลีบาบา อาลีบาบาจึงให้โมลเซียน่าแต่งงานกับลูกชายของตน

 

 

 

 

อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ

 

อาลาดินเป็นเด็กหนุ่มยากจนที่ค่อนข้างเกียจคร้านในเมืองจีน วันหนึ่งมีพ่อมดจากแอฟริกาเหนือมาอ้างว่าเป็นอาของเขาเข้ามาช่วยเหลือเขากับแม่ แต่แท้จริงแล้วต้องหารให้อาลาดินนำตะเกียงวิเศษจากถ้ำวิเศษมาให้ตนโดยมอบแหวนวิเศษให้อาลาดินไว้เพื่อป้องกันตัวเองในถ้ำนั่น ปรากฎว่าเขาถูกหลอกขังไว้ในถ้ำนั้น อาลาดินจึงถูมือด้วยความสิ้นหวังแล้วดันไปโดนแหวนวิเศษเรียกจินออกมา อาลาดินจึงขอให้พาตนไปหาแม่ โดยนำตะเกียงออกมาด้วย และตอนที่แม่ของเขาพยายามจะทำความสะอาดมัน ก็ได้เรียกยักษ์จินที่แข็งแกร่งกว่าออกมา

 

ด้วยความช่วยเหลือจากจินในตะเกียง อาลาดินร่ำรวยขึ้นและได้แต่งงานกับเจ้าหญิง Badroulbadour จินสร้างพระราชวังโอ่อ่าให้อาลาดิน ที่ยิ่งใหญ่กว่าจักรพรรดิเสียอีก

 

พ่อมดคนเดิมกลับมา และขโมยตะเกียงไปได้โดยการหลอกภรรยาของอาลาดินที่ไม่รู้ความสำคัญของตะเกียง เมื่อพ่อมดได้ตะเกียงไปแล้วจึงสั่งให้จินพาทั้งพระราชวังของอาลาดินรวมทั้งภรรยาของเขาไปที่แอฟริกาเหนือ

 

เมื่ออาลาดินรู้จึงให้ยักษ์จินในแหวนพาตนไปแอฟริกาเหนือ อาลาดินสามารถจัดการพ่อมดและนำภรรยาตนคืนมาได้

 

ต่อมาพ่อชายของพ่อมดคนนั้น ที่ทั้งเก่งและแข็งแกร่งกว่า มาแก้แค้นที่อาลาดินฆ่าน้องชายตัวเอง โดยปลอมมาเห็นหญิงชราและหลอกภรรยาอาลาดินสำเร็จ(อีกแล้ว) อาลาดินรู้ความจริงจากคำเตือนของจินจึงฆ่าพ่อมดได้ทันท่วงที แล้วพวกเขาก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อาลาดินได้เป็นสุลต่านคนต่อมา

 

 

 

 

กะลาสีซินแบด

 

 

ซินแบดคนแบกหาม กับ กะลาสีซินแบด

 

ในสมัยของกาหลิบฮารูน อัล ราชิดแห่งแบกแดด มีคนแบกหามผู้ยากจนชื่อซินแบด ได้มานั่งพักหน้าบ้านของพ่อค้าผู้ร่ำรวยที่มีนามว่าซินแบดเหมือนกัน ซินแบดที่ยากจนก็รำพึงรำพันตัดพ้อว่าชื่อเหมือนกันแต่ฐานะกลับต่างกันเพียงนี้ ซินแบดผู้ร่ำรวยจึงได้เล่าเรื่องของตนให้ฟัง ว่าร่ำรวยได้เพราะโชคชะตา

 

 

การเดินทางครั้งแรก

 

หลังจากสมบัติที่พ่อของเขาเหลือไว้ให้เริ่มจะหมดลงไป ซินแบดจึงออกทะเลเพื่อแสวงโชค เขาจอดเรือครั้งแรกบนเกาะแห่งหนึ่ง ที่แท้จริงแล้วเป็นปลาวาฬยักษ์ที่หลับอยู่ ที่ถูกปลุกโดยกะลาสีที่จุดไฟ ปลาวาฬดำน้ำลง เรือทิ้งซินแบดไว้ เขาจึงเกาะแผ่นไม้ลอยคออยู่แล้วไปเกยตื้นบนเกาะที่เต็มไปด้วยป่า ระหว่างที่เขาจะเดินไปสำรวจทะเลทราย เขาก็ได้ไปช่วยม้าตัวเมียของกษัตริย์ก่อนจะถูกลากไปโดยม้าน้ำ(สัตว์วิเศษ) ราชาคนนั้นกลายเป็นเพื่อนของซินแบด แล้วเมื่อเรือลำเดิมของซินแบดมาจอดที่หาด ซินแบดก็ได้นำสินค้าของตนที่ยังอยู่บนเรือถวายแก่ราชา แล้วราชาก็มอบของขวัญให้เขา เมื่อเล่าจบซินแบดผู้ร่ำรวยก็มอบเงินให้ซินแบดนักแบกของและให้เขามาฟังต่อในวันถัดมา

 

 

การเดินทางครั้งที่สอง

 

ซินแบดเล่าว่าเขาออกเดินทางอีกครั้ง และถูกเรือทิ้งอีก คราวนี้เขาไปหลงอยู่บนเกาะที่เต็มไปด้วยไข่ของRoc (นกยักษ์นักล่าในตำนาน) ซินแบดถูกrocพาไปทิ้งไว้ในหุบเขาที่มีงูยักษ์ (อาหารโดยธรรมชาติของroc) พื้นดินของหุบเขาเต็มไปด้วยเพชร พวกพ่อค้าจะโยนก้อนเนื้อชิ้นใหญ่ลงมา รอให้นกมาโฉบกลับไปที่รังแล้วตามไปเพื่อเก็บเอาเพชรที่ติดอยู่กับก้อนเนื้อ ซินแบดจึงผูกตัวเองไว้กับเนื้อรอนกโฉบไป แล้วก็ได้รับการช่วยเหลือจากพ่อค้า ซินแบดเดินทางกลับแบกแดดพร้อมกับโชคที่ได้มากับเพชร

 

 

การเดินทางครั้งที่สาม

 

ซินแบดออกเดินเรือจากบาสรา คราวนี้เขาและพรรคพวกต้องไปติดเกาะอยู่กับสัตว์ประหลาดยักษ์ที่มีลักษณะคล้ายคน มีสีดำ ดวงตาคล้ายถ่านที่มีไฟ  ฯลฯ พวกนี้เริ่มกินลูกเรือของเขา เริ่มจากกัปตันเรือของเขาที่อ้วนที่สุด ซินแบดจึงคิดแผนเอาธนูเหล็กร้อนๆยิงที่ตาทั้งสองข้างของยักษ์ แล้วหนีออกมา แม้ว่าส่วนใหญ่จากถูกยักษ์ตาบอดฟาดจนตาย ซินแบดรอดกลับมาที่แบกแดด

 

 

การเดินทางครั้งที่สี่

 

ซินแบดเดินเรืออีกครั้ง คราวนี้เรือแตก มีชนเผ่าเอาพืชบางอย่างมาให้พรรคพวกของซินแบดกิน แล้วขุนพวกเขาให้อ้วนสำหรับเป็นอาหาร ซินแบดรู้ตัวและหนีออกมา แล้วไปเกาะอื่น ได้พบกับราชาคนหนึ่งแล้วเป็นเพื่อนกัน ราชามอบหญิงผู้งดงามและร่ำรวยคนหนึ่งให้เป็นภรรยาเขา แต่ซินแบดไม่รู้วัฒนธรรมหนึ่งของที่นี่ คือหากแต่งงานกันแล้วฝ่ายใดฝ่ายนึงตาย อีกคนจะต้องถูกฝังทั้งเป็นไปพร้อมกับทรัพย์สินเงินทองของเขาด้วย ต่อมาไม่นานภรรยาของซินแบดป่วยตาย ซินแบดจึงถูกนำไปขังไว้ในห้องใต้ดินพร้อมอาหารบางส่วนและทรัพย์สมบัติ เมื่ออาหารใกล้หมด วันหนึ่ง มีสัตว์ป่าชี้ให้เขาเห็นทางหนี ซินแบดทำตามแล้วนั่งเรือกลับแบกแดดได้

 

 

การเดินทางครั้งที่ห้า

 

ซินแบดและพรรคพวกออกเรืออีกครั้ง คราวนี้ไปอยู่บนเกาะที่เป็นทะเลทราย และเจอไข่ใบยักษ์ของนกroc พวกเขาจะเอาลูกนกข้างในมากินอาหาร ซินแบดเตือนแต่ช้าไป พ่อแม่นกมาเจอและทำลายเรือของพวกเขา ซินแบดถูกจับเป็นทาสโดยผู้เฒ่าแห่งท้องทะเลและขี่คอเขาไม่ปล่อย ซินแบดจึงทำไวน์และมอมเหล้าเขา เมื่อเขาร่วงจึงถูกซินแบดฆ่า แล้วหนีไป ซินแบดนั่งเรือหนีไปเกาะของลิงกินคน ก่อนจะหนีกลับแบกแดดได้ในที่สุด

 

 

การเดินทางครั้งที่หก

 

ซินแบดเรือแตกอีกแล้ว คราวนี้ไปอยู่บนหน้าผา ไม่มีอาหาร ลอยไปตามน้ำ ซินแบดหลับไปแล้วตื่นขึ้นที่เมืองของราชา Serendib (ซีลอน ศรีลังกา) ราชาจึงฝากของล้ำค่าและทาสสาวให้ซินแบดนำกลับไปให้กาหลิบฮารูน อัล ราชิดแห่งแบกแดด 

 

 

การเดินทางครั้งที่เจ็ดและครั้งสุดท้าย

 

เช่นเดิม ซินแบดถูกซัดไปติดชายฝั่ง เขาทำแพแล้วล่องไปถึงเมืองนึง คราวนี้หัวหน้าพ่อค้าจัดงานแต่งให้เขากับลูกสาว ชนพื้นเมืองของที่นี่จะกลายเป็นนกหนึ่งครั้งในหนึ่งเดือน ชาววิหคพาซินแบดบินไปด้วย จนเขาได้ยินเสียงเหล่าเทวดาร้องสรรเสริญพระเจ้า หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีไฟจากสวรรค์เผาเหล่ามนุษย์วิหคผู้ชายจยมอดไหม้ ชาววิหคจึงโกรธแค้นซินแบดและนำเขาไปไว้บนยอดเขา เขาได้พบกับเด็กหนุ่มที่เป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าสองคนที่มอบไม้เท้าทองคำให้กับเขา ซินแบดกลับมาที่เมืองและได้พบรู้จักภรรยาของเขาว่าชาววิหคที่ถูกเผาเหล่านั้นเป็นปีศาจแต่เธอและพ่อของเธอไม่ได้เป็นพวกนั้น ซินแบดจึงได้ขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาแล้วเดินทางกลับแบกแดดพร้อมภรรยา และไม่ออกเดินทางอีก

 

 

 

 

นิทานเรื่องชายหลังค่อม

 

 

นานมาแล้วในประเทศจีน มีช่างตัดเสื้อรักสนุกกับภรรยาคนหนึ่ง ได้พบกับชายหลังค่อม จึงชวนไปกินข้าวเย็นด้วยกันแล้วแกล้งให้กลืนปลาชิ้นใหญ่ จึงโดนก้างติดในคอและตายในทันที จึงแกล้งเอาผ้าคลุมแล้วอุ้มไปข้างนอก บอกว่าจะไปหาหมอ เลยไปเคาะประตูบ้านนายแพทย์ชาวยิว มีทาสมาเปิด สองสามีภรรยาเลยให้เงินไป พอทาสไปเรียกหมอก็แอบเอาศพไปวางไว้บนบันไดแล้วหนี พอนายแพทย์ชาวยิวได้เงินก็คลำทางลงไปดูในความมืด แล้วไปสะดุดศพจนมันกลิ้งลงบันไดไป พอไปตรวจพบว่าตายแล้วก็กลัวความผิด เลยเอาศพโยนไปที่ปล่องไฟของเพื่อนบ้านชาวมุสลิมที่เป็นต้นเครื่อง(ดูแลครัวและทำอาหารถวายสุลต่าน) พอคนต้นเครื่องมาเห็นก็นึกว่าเป็นขโมยก็เอาค้อนฟาด พอเข้าไปตรวจดูก็พบว่าตายแล้ว จึงกลัวความผิดแล้วเอาศพชายหลังค่อมไปวางพิงฝาไว้ที่ท้ายตลาด พอดีว่ามีพ่อค้าชาวคริสเตียนที่ทำงานให้สุลต่านกำลังเมาแล้วเดินผ่านมาพอดี เห็นชายหลังค่อมก็วิตกจริตนึกว่าจะมาขโมยผ้าโพกหัว(เพราะเพิ่งถูกขโมยไป)จึงต่อยชายหลังค่อมจนล้ม ยามเดินมาเห็นเลยห้ามแล้วตรวจพบว่าเขาตายแล้ว พ่อค้าชาวคริสเตียนเลยถูกนำตัวไปขึ้นตะแกงแลง

 

แต่ก่อนจะถูกแขวนคอ คนต้นเครื่องชาวมุสลิมก็รีบมาแสดงตัว ตามด้วยนายแพทย์ชาวยิว และช่างตัดเสื้อตามลำดับ

 

สุลต่านเลยสนใจ ประกอบกับที่ชายหลังค่อมคนนั้นเป็นคนที่เล่าเรื่องตลกเก่งเป็นที่โปรดปรานของสุลต่านด้วย สุลต่านเลยรับสั่งให้ทั้งพาทั้งสี่มา แล้วให้มาเล่าเรื่องให้ฟัง ถ้าไม่สนุกเท่าเรื่องชายหลังค่อมก็จะถูกแขวนคอ

 

พ่อค้าคริสเตียนเล่าว่า เขาเกิดที่ไคโร และได้ทำการค้ากับชายคนนึงมีกำไรงาม แต่ปรากฎว่าชายคนนั้นไม่มารับกำไรี่ว่านั่นสักที รอไปนานจนสุดท้ายเขาก็มา พ่อค้าพบว่าเขามือขวาด้วนเลยขอให้เขาเล่าเรื่องที่เกิดกับเขาให้ฟัง ชายคนนั้นจึงเล่าว่าตัวเองเกิดที่แบกแดดแล้วเดินทางไปค้าขายร่ำรวย แล้วไปเจอหญิงสาวคนนึงที่เขาหลงรัก เลยมอบเงินให้หญิงสาวคนนั้นไปเรื่อยๆจนสุดท้ายก็หมดตัว เลยเดินโซเซไปแล้วเผลอไปขโมยกระเป๋าเงินนายทหารคนนึงเข้า จึงโดนโทษตัดมือ แต่ทหารเห็นว่าหน้าตาดีเลยใจอ่อน ตัดมือแค่ข้างเดียวแล้วเอาเงินให้ด้วย ชายคนนั้นโซซัดโซเซกลับไปหาชู้รัก หญิงสาวเห็นเข้าจึงยกทรัพย์สินเงินทองตนให้หมด รวมทั้งเงินที่ชายหนุ่มให้ ต่อมานางก็ป่วยตาย ทิ้งสมบัติไว้ให้เขา เขาเลยเดินทางมาค้าขายกับพ่อค้าที่ไคโรในที่สุด

 

คนต้นเครื่องเล่าบ้างว่า เขาไปเจอชายคนนึงที่พบรักกับนางกำนัลของพระชายาของกาหลิบแห่งแบกแดด กว่าจะได้แต่งงานกันก็ผ่านอุปสรรคมากมาย แต่กลับต้องโดนตัดหัวแม่มือและเท้าเพราะลืมล้างมือหลังกินอาหาร

 

แพทย์ชาวยิวเล่าบ้างว่า มีคนตามเขาไปรักษาคนที่บ้านเจ้าเมือง เขาก็ไปรักษา ปรากฎว่าคนคนนั้นถูกตัดมือขวาและมีรอยถูกโบยตี จึงได้ขอให้เขาเรื่องของเขาให้ฟัง ได้ความว่าชายคนนี้เกิดที่เมืองเอลโมซิล อยากไปไคโรจึงติดสอยห้อยตามบรรดาอาๆไป แล้วไปแวะที่ดามัสกัส เจอกับหญิงงามแล้วได้เป็นชู้รักกัน วันหนึ่งหญิงคนนั้นพาน้องสาวมาด้วย แล้วเขาเผลอชมน้องสาวว่าสวยกว่า นางเลยอิจฉาแต่ตัดคอน้องสาวขณะหลับแล้วหนีไป ทิ้งสร้อยไว้เส้นนึง ชายคนนั้นตื่นขึ้นมาก็ตกใจแล้วหนีไปไคโร หายไปหลายปีกลับมาที่ดามัสกัสมาเจอสร้อยก็เอาไปขาย ปรากฎว่าเป็นสร้อยของอำมาตย์เลยถูกนำไปตัดมือและโบย ปรากฎว่าอำมาตย์มาตามเจอและพาเขาไป เล่าให้ฟังว่าลูกสาวตนทำตัวยังไง อำมาตย์เลยให้เขาแต่งงานกับลูกสาวคนสุดท้องและยกสมบัติให้ 

 

สุลต่านจีนก็ยังไม่พอพระทัยกับนิทานของทั้งสาม

 

สุดท้ายคือช่างตัดเสื้อเล่าเรื่องช่างตัดผมสุดจะพูดมากให้สุลต่านฟัง(ซึ่งมันยาวมากเพราะช่างตัดผมพูดมาก) สุลต่านเลยให้ไปตามช่างตัดผมคนนั้นมา ช่างตัดผมเห็นชายค่อมก็คีบเอาก้างปลาออกจากคอให้ ชายค่อมก็จามและฟื้นขึ้นมา สุลต่านจีนเลยให้บันทึกเรื่องเหล่านี้ไว้ และก็ได้ประทานรางวัลให้ทุกคน