ยินดีต้อนรับสู่ร็อตเตอร์ดัมครับทุกท่าน

 

ตอนนี้ผมกำลังมารอรับแขกของผม นาย A ที่กำลังเดินทางมาที่สนามบิน Rotterdam The Hague Airport

 

 

คิดว่าอีกไม่นานเขาก็คงมาถึงแล้วล่ะ พูดไปก็แอบตื่นเต้นนะครับเนี่ย เพราะปกติไม่ค่อยจะมีใครมาเที่ยวแบบเจาะจงร็อตเตอร์ดัมซักเท่าไหร่ แถมมาอยู่นานซะด้วย

 

โอ๊ะ... คนนั้นสินะครับ

 

 

 

ไม่นานนักผมก็เจอแขกของผม เรานั่งรอแท็กซี่เพื่อเข้าไปในตัวเมืองกัน ระหว่างนั้นผมก็แนะนำตัวและร็อตเตอร์ดัมให้เขาฟังคร่าวๆ

 

ร็อตเตอร์ดัมเป็นเมืองที่มีวงออร์เคสตร้าที่มีชื่อเสียงและเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลภาพยนต์ระดับนานาชาติ ในฤดูร้อนเราจะมีเทศกาล เต้นรำ ดนตรีและละครให้ชมโดนไม่ต้องเสียเงินตามจัตุรัสด้วย ใจกลางเมืองร็อตเตอร์ดัมก็เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรม อาหารหลากชนิด หลายชาติหลายภาษาครับ ส่วนการเดินทางในร็อตเตอร์ดัมสะดวกและง่ายดายมาก เรามีเครือข่ายรถไฟและรถใต้ดิน

 

ใช้เวลาเพียงแปปเดียวเราก็นั่งแท็กซี่เข้ามาในตัวเมืองครับ

 

 

 

 

สำหรับที่แรกที่เราจะไปคือ "Euromast (อูโรมาสต์) " ครับ

 

 

 

อูโรมาสต์ที่ว่าเป็นหอสูงสำหรับชมวิว สูงถึง 185 เมตรเลยล่ะ มีบริเวณชมวิวที่ 100 เมตร รับรองเลยว่าไม่เหมือนหอชมวิวทั่วๆไปแน่นอน

 

ตอนนี้เราขึ้นมาในระดับความสูง 100 เมตรแล้วครับ สำหรับคนที่่ไม่รู้สึกเวียนหัว วูบวาบกับความสูงซะก็ขึ้นไปต่อโดยลิฟท์ไฮเทคที่หมุน รอบตัวเสาช้าๆให้ชมวิวไปจนถึงหอคอยได้เลยครับ ผมก็ไม่รู้ว่าคุณเอเขากลัวความสูงรึเปล่า แต่ผมก็ลากเขาขึ้นมาแล้วล่ะ

 

 

 

 

 

 

หลังลงจากหออูโรมาสต์ เราก็มานั่งพักที่สวนสาธารณะข้างๆหออูโรมาสต์ครับ อากาศช่วงนี้กำลังดีเหมาะแก่การปิคนิคเลย (อยู่ที่ประมาณ 12-19 องศาเซลเซียว) ที่สำคัญผมก็เตรียมของว่างมาด้วย

 

   

 

ที่นี่คือ Het park ( the park ) ไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการครับ แต่ก็เป็นที่รู้จักกัน ถ้าเรียกให้ระบุหน่อยก็ สวนสาธารณะที่อูโรมาสต์หรือสวนสาธารณะตะวันตกทำนองนั้นครัล

 

อ้อ เรามี Poffertjes (Dutch Pancakes) ที่เป็นแพนเค้กเล็กๆ โรยด้วยนํ้าตาลมาทานด้วยครับ เป็นอะไรที่ชาวดัตช์นิยมรับประทานกันน่ะนะ!

 

 

 

 

พักผ่อนกันเรียบร้อยแล้วเราก็ไปนั่งรถสามล้อเที่ยวรอบเมืองกันเลยดีกว่า

 

อย่าเพิ่งแปลกใจไป คุณไม่ได้ฟังผิดครับ ที่ร็อตเตอร์ดัมเรามีรถสามล้อจริงๆ รถสามล้อที่รู้จักกันในนาม "ตุ๊กตุ๊ก(tuktuk)" นี่ล่ะครับ

 

 

 

เราขับรถชมสถาปัตยกรรมแปลกๆ ในเมืองกันครับ

 

 

 

สถานีรถไฟใต้ดินในร็อตเตอร์ดัม

 

 

เราแวะชม Willemsbrug (สะพานวิลเลมส์บรูก์)

 

 

 

และ Erasmusbrug (สะพานอีราสมูส) เพื่อถ่ายรูปและชมวิวกันครับ 

 

 

 

 

 

และแล้วก็ได้เวลาที่พวกเราต้องกลับที่พักแล้ว

สำหรับโรงแรมที่ผมจองไว้คือ Maritime Hotel Rotterdam  บรรยากาศแบบสบายๆ ทำเลทีตั้งดี วิวนอกหน้าต่างก็สวยงามด้วยครับ

 

และ

 

 

 

พอคํ่าๆ หน่อยหลังจากเราทานข้าวและปฏิบัติภารกิจส่วนตัวผมก็ชวนเขาลงมานั่งที่บาร์ขอโรงแรมเพื่อดื่มเยเนวาร์ หรือ เหล้ายินดัตช์ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่นิยมมากที่สุดที่นี่ครับ

 

 

 

(Geneva gin : Dutch gin) เป็นยินของประเทศฮอลแลนด์อันเป็นต้นกำเนิด ทำจากการบดข้าวหลายๆชนิด หมักแล้วกลั่นครั้งแรก แล้วจึงกลั่นซ้ำเป็นครั้งที่สองโดยผสมจูนิเปอร์ลงไปให้ได้ปริมาณแอลกอฮอลไม่สูงนัก จึงมีลักษณะเฉพาะคือ มี กลิ่นข้าวมอลท์ มีรสเข้มข้น และกลิ่นจูนิเปอร์มาก จึงนิยมดื่มโดยไม่ผสมแต่ต้องแช่เย็นจัด

 

ต่อจากนั้นเราก็นั่งคุยนั่งเล่นกันสักพัก ก่อนจะเข้านอนครับ

 

 

 

 

- - - - - - - - - - -

 

 

เข้าสู่วันที่สองแล้วว

 

สำหรับสถานที่แรกที่เราจะไปออกจะทรหดซักนิด แต่ก็น่าจะเป็นกิจกรรมที่ดีในยามเช้านะครับ ช่วยทำให้ตาสว่างดี :D

 

เดินจากโรงแรมไปไม่ไกลเรก็จะถึงตีนสะพานอีราสมูสก์ครับ ซึ่งก็คือที่ขี้นเรือ spido (หรือก็คือเรือที่เราเห็นมันผ่านไปตลอดคืนเมื่อวานที่โรงแรมนั่นเอง) ที่จะพาเราไปชมท่าเรือร็อตเตอร์ดัมกันครับ 

 

   

 

 

บรรยากาศที่ท่าเรือร็อตเตอร์ดัมครับ 

 

 

ท่าเรือร็อตเตอร์ดัมเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดและพลุกพล่านทีสุดในโลก ท่าเรือกินอาณาบริเวณครึ่งหนึ่งของเมืองรอตเตอร์ดัม แต่ละปีจะขนถ่ายสินค้าราว 250 ล้านตัน (ร้อยละ 4 ของสินค้าที่ขนส่งทางทะเลทั้งหมด) ผลไม้จำพวกส้มประมาณร้อนละ 85 ในยุโรป การสั่งเข้ายาสูบร้อยละ 50 และร้อยละ 40 ของชาในสหราชอาณาจักรล้วนขนส่งผ่านท่าเรือนี้ นอกจากนี้ร็อตเตอร์ดัมยังเป็นท่าเรือขนส่งนํ้ามันที่สำคัญที่สุดของโลก บริษัทนํ้ามันขนาดใหญ่ต่างมีบ่อเก็บนํ้ามันและโรงกลั่นนํ้ามันทีนี่ครับ

 

 

 

 

หลังจากล่องเรือเสร็จเราก็มาเดินชมที่ Delfshaven ครับ

 

 

Delfshaven (เดลฟ์ฮาเว่น) คือท่าเรือของเมืองเดลฟ์ในศตวรรษที่ 14 แต่ปัจจุบันกลายเป็นเขตเทศบาลหนึ่งของรอตเตอร์ดัมครับ และโชคดีมากกกกกกกกกกกกกก ที่อาคารในเดลฟ์ฮาเว่นไม่ถูกระเบิดตอนปี 1940 ตอนนี้เลยเป็นมรดกของชาติไป

 

 

เราเดินชมและถ่ายรูปกันอยู่สักพักกว่าจะเดินทางไปสถานที่ต่อไป

 

 

 

มาต่อกันที่ Blaakse Bos ครับ

 

Blaakse Bos เป็นบ้านทรงลูกบาศก์เอียงๆ อย่างที่เห็น มีทั้งหมด 39 หลัง ออกแบบโดย Piet Bloem ถูกสร้างให้เกาะติดอยู่กับเสาสูงคอนกรีต ใต้ถุนบ้านเป็นถนนยกพื้นประกอบด้วยร้านค้า

 

อ้อ! มันชนะเลิศรางวัลประหยัดพลังงานด้วยครับ

 

สำหรับบ้านตัวอย่างที่ให้เข้าไปชมคือ Kijk Kubus ครับ ส่วนการเข้าไปชมจะเสียค่าเข้า 2.5 ยูโร

 

 

 

เข้ามาปุ๊บก็เจอห้องรับแขกเป็นอย่างแรก เมื่อเข้ามาเรื่อยๆก็จะเจอห้องอื่นๆ อย่างห้องนอน ห้องครัว ห้องทำงาน ห้องพักผ่อน

 

 

 

ชมไคก์คูมูสเสร็จเราก็ไปที่ the white house ต่อครับ อ้ะๆ ไวส์เฮาส์ที่ว่านี่ไม่ใช่ทำเนียบขาวนะครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป

 

ระยะทางระหว่าง Kijk Kubus กับ the white house ไม่ห่างกันเท่าไหร่ครับ สามารถเดินไปเรื่อยๆ

 

ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึง the white house ครับ

 

 

Het Witte Huis หรือ The White House (ภาษาอังกฤษ) ขอยํ้าอีกทีว่าไม่ได้หมายถึงทำเนียบขาวที่ วอชิงตันนะครับ แต่มันคือตึกสูงแห่งแรกในยุโรปต่างหาก เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างไม่กี่อย่างที่รอดจากการถล่มในปี 1940 แต่ก็มีร่องรอย การระเบิดหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง

Het Witte Huis ถูกสร้างขึ้นในปี 1897 ครับ ตัวตึกสูง 43 เมตร มีถึง 10 ชั้นด้วยกัน แถมในตึกมีลิฟต์ด้วยล่ะครับ ถือ
เป็นอะไรที่แปลกตาในสมัยนั้นเลยล่ะ

 

เราแวะหาอะไรทานที่คาเฟ่ชั้นล่างของไวส์เฮาส์ ก่อนจะกลับไปโรงแรมครับ

 

 

 

 

- - - - - - - - - - - -

 

 

และแล้วก็เข้าเช้าวันสุดท้าย

 

วันนี้เราตื่นสายกันนิดหน่อยเพราะไม่มีกำหนดการต้องรีบแบบเมื่อวานครับ

 

เราเก็บกระเป๋าออกจากโรงแรมเลย เพระกลัวว่าจะกลับมาไม่ทันเวลาเช็คเอาท์น่ะครับ (11.00น.)

 

สำหรับวันนี้ ผมขอตั้งชื่อทริปในวันนี้ว่า "ร่อนรอบร็อตเตอร์ดัม" โดยเราจะปั่นจักรยานชมวิวไปเรื่อยๆ

 

 

 

 

 

 

ที่ที่เรากำลังขี่จักรยานผ่านคือ Veerhaven ครับ เป็นท่าเรือเล็กๆ

 

 

 

ส่วนที่นี่คือ หาดจำลอง ครับ มีเก้าอี้ชายหาดไว้นอนพักผ่อน สำหรับฤดูนี้ก็ถือว่าเป็นที่ที่โอเคสำหรับการพักผ่อนเลยล่ะครับ

 

 

 

เราปั่นจักรยานกันมาเรื่อยๆ จนมาถึง Walk of Fame Starboulevard ครับ ที่นี่ก็คล้ายๆ กับ Hollywood Walk of fame ที่ LA เลย ดาราที่มีชื่อเสียงจะมาประทับลอยมือกันที่นี่ครับ

 

 

 

 

 

 

เราเดินคุยกันพักใหญ่ๆ จนถึงเวลาที่ต้องเดินทางไปสนามบิน ผมขอเขาถ่ายรูปคู่ด้วยกันนิดหน่อยก่อนจากกันครับ

 

สุดท้ายนี้ผมหวังว่าทริปนี้คงจะถูกใจคุณเอนะครับ ถ้าเป็นไปได้ผมก็หวังว่าจะได้เจอคุณเออีกนะ :D

 

 

 

 

 

อ้างอิง

 

หนังสือชุดหน้าต่างสู่โลกกว้าง : เนเธอร์แลนด์  

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=gewoonleven&month=08- 2006&date=18&group=2&gblog=9
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=gewoonleven&month=07- 2006&date=13&group=2&blog=1
http://www.hflight.net/forum/m-1246289540/s-all/
http://www.holland.com/global/tourism/article/the-white- house.htm
http://i-thumb.blogspot.com/2013/03/blog-post_7926.html